กรมปศุสัตว์ต้อนรับคณะผู้แทนจากไต้หวัน ศึกษาดูงานการเพิ่มมูลค่าการผลิตไก่พื้นเมืองและไก่กระดูกดำไทย สานต่อความร่วมมือวิชาการไทย–ไต้หวัน เพื่อยกระดับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่พื้นเมืองสู่ตลาดสากล
กรมปศุสัตว์ โดย กองผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ จัดกิจกรรมต้อนรับคณะผู้แทนทางวิชาการจากประเทศไต้หวัน ซึ่งประกอบด้วย National Chung Hsing University, National Taiwan University และ Poultry Association, Taiwan ที่เดินทางมาศึกษาดูงานด้านการเพิ่มมูลค่าการผลิตไก่พื้นเมืองและไก่กระดูกดำไทย ระหว่างวันที่ 16–17 ตุลาคม 2568 ณ จังหวัดเชียงใหม่
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้โครงการ “Upskill เกษตรกรไทยในการผลิตไก่พื้นเมืองให้เป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง” ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งเสริมศักยภาพเกษตรกรไทยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่เพียงเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายโอกาสด้านการตลาดไก่พื้นเมืองไทย โดยเฉพาะการผลักดันให้ไก่พื้นเมืองก้าวสู่ตลาดในประเทศไต้หวันในฐานะสินค้าเกษตรมูลค่าสูง
โดยในวันที่ 16 ตุลาคม 2568 คณะผู้แทนได้เยี่ยมชม ฟาร์มรัตนาวรรณ อำเภอเชียงดาว และ ฟาร์มบ้านสวนแพร อำเภอสันทราย เพื่อเรียนรู้กระบวนการเลี้ยง การจัดการฟาร์มไก่พื้นเมืองและไก่กระดูกดำ รวมถึงแนวทางการพัฒนาคุณภาพเนื้อไก่เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของเกษตรกรไทย
ต่อมาในวันที่ 17 ตุลาคม 2568 ได้รับเกียรติจาก Ms. Ho, Yu-Chen Section Chief, Poultry Association, Taiwan บรรยายพิเศษในหัวข้อ “Native Chicken Farming in Taiwan” ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงด้านระบบการจัดการในฟาร์มขนาดเล็ก การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การแปรรูป ตลอดจนความปลอดภัยและการตลาดของผลิตภัณฑ์ไก่พื้นเมือง ซึ่งเป็นองค์ความรู้สำคัญในการยกระดับการผลิตไก่พื้นเมืองของไทยให้มีมาตรฐานสูงขึ้นและเป็นแนวทางเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ในโอกาสนี้ ดร.อำพล วริทธิธรรม ผู้อำนวยการกองผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ ได้กล่าวต้อนรับคณะผู้แทน พร้อมแสดงความยินดีต่อความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างประเทศไทยและไต้หวัน ที่จะนำไปสู่การพัฒนางานวิจัย นวัตกรรม และการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรไทย และมีความมุ่งหวังในความร่วมมือระหว่างกองผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์และคณะผู้แทนจากไต้หวันในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการวิจัยและเทคโนโลยีการเลี้ยงไก่พื้นเมืองที่ยั่งยืน นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยในอนาคต.
