มีพิรุธ หมูเถื่อนลอบนำเข้า อ้างเป็นหมูไทยแช่แข็ง

PIG&PORK

มีพิรุธ หมูเถื่อนลอบนำเข้า อ้างเป็นหมูไทยแช่แข็ง เบี่ยงประเด็นทั้งที่ไม่มีใครเขาทำกัน

ประเด็นหมูลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ มากระจายขายทั่วประเทศไทย โดยประกาศขายผ่านโซเชียลอย่างโจ่งแจ้งไม่เกรงกลัวกฎหมาย ถือเป็น “ขบวนการที่ใหญ่โตมาก” แต่กลับ “จับกุมได้เพียงเล็กน้อย” เพราะทั้งเนื้อหมูและเครื่องในที่ไม่มีแหล่งที่มา ได้ระบาดไปตามภูมิภาคต่างๆ อย่างรวดเร็ว ซ้ำยังขายตัดราคาเนื้อหมูไทยด้วยราคาต่ำเพียง 135-145 บาทต่อกิโลกรัม

ซึ่งราคานี้เป็นไปไม่ได้เลยในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ต้นทุนการเลี้ยงหมูของเกษตรกรไทยเฉียด 100 บาทต่อกิโลกรัม (ราคาหมูเนื้อแดงหน้าเขียงอยู่ที่ 200 บาทต่อกิโลกรัม) เรื่องนี้แดงขึ้นเพราะความผิดปกติทั้งราคาเนื้อหมู และปริมาณเนื้อหมูในตลาดที่เพิ่มมากขึ้นอย่าง “ผิดปกติ”

โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือที่ปกติปริมาณหมูในพื้นที่ไม่เพียงพอกับการบริโภค จำเป็นต้องพี่งพาการนำหมูจากเขตอื่นๆเข้ามาเสริม จากหมูเข้าเชือดในพื้นที่ 2,000-3,000 ตัวต่อเดือน จะต้องรับหมูซีก-ชิ้นส่วนหมูอีกประมาณ 2-3 ล้านกิโลกรัมต่อเดือน แต่ในช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา มีซากหมูทะลักมาในภาคเหนือมากถึง 5 ล้านกิโลกรัมต่อเดือน กระทบหนักกับผู้เลี้ยง เพราะโรงเชือดรับซื้อหมูจากฟาร์มลดลง ยอดขายหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มช้าลงถึง 30%

แม้ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นนี้ และที่ผ่านมาทางกรมปศุสัตว์ โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไท ได้สนธิกำลังกับหลายหน่วยงานทั้งพาณิชย์จังหวัด ด่านกักกันสัตว์ DSI ตำรวจ ฯลฯ ร่วมกันเดินหน้าโครงการเข้าตรวจสอบสถานที่พักซากสัตว์ทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ลักลอบนำเข้าซากสัตว์จากต่างประเทศ และนำมาซุกซ่อนไว้ตามห้องเย็นต่างๆ ในปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีการตรวจสอบห้องเย็นต้องสงสัย 387 ครั้ง มีซากหมูที่ได้รับการตรวจสอบจำนวน 42,935,925 กิโลกรัม โดยปี 2565 มีการดำเนินการทางกฎหมาย 8 ราย ยึดซากหมู 108,734 กิโลกรัม มูลค่าของกลาง 20,593,634 บาท

แต่จนแล้วก็ยังมีกระแสออกมาว่า ที่ผ่านมาไม่มีหมูเถื่อนเกลื่อนไทยอย่างที่เป็นข่าว เพราะที่จริงแล้วเนื้อหมูเหล่านั้นเป็นเนื้อหมูไทยที่เก็บแช่แข็งในห้องเย็น มิใช้หมูลักลอบนำเข้าแต่อย่างใด ซึ่งเป็นประเด็นที่ย้อนแย้งกับหลักฐานที่ปรากฎ และตรงข้ามกับความเป็นจริงของสถานการณ์หมูในปัจจุบัน

• หมูไทยไม่จำเป็นต้องเก็บในห้องเย็น : ประเด็นนี้ชัดเจนมากเนื่องจากปริมาณการผลิตหมูที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศ จากปัญหาเรื่องโรคหมูที่ส่งผลให้ผู้เลี้ยงยังคงชะลอการเลี้ยง ปริมาณหมูในระบบหายไปถึง 50% การเข้าเชือดจึงทำแบบวันต่อวัน เข้าหมดออกหมด ไม่ต้องเก็บสต๊อกหมูแช่แข็งไว้กับห้องเย็น

• ห้องเย็นเพิ่มต้นทุน…ไม่มีใครทำกัน : ปัจจุบันเนื้อหมูเป็นที่ต้องการของตลาด การขายยังไปได้ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องเก็บหมูในห้องเย็น ที่เป็นการเพิ่มต้นทุนโดยเปล่าประโยชน์ และไม่มีผู้ประกอบการคนไหนทำเรื่องที่ต้องเพิ่มต้นทุนการผลิตให้มากขึ้น

• โรงเชือดหมูมีปริมาณชัดเจนเพื่อขายในแต่ละวัน : หมูที่เข้าโรงเชือดทุกแห่ง มีการระบุจำนวนชัดเจน ตามความต้องการของตลาดในพื้นที่หรือปริมาณที่ผู้ประกอบการจำหน่ายกำหนดในแต่ละวัน เป็นการวางแผนให้เหมาะสมกับกำลังการผลิตโรงชำแหละ การเชือดและส่งขายทำกันวันต่อวัน เพื่อรักษาความสดของเนื้อ และตอบโจทย์การบริโภคของคนไทยที่นิยมรับประทานหมูอุ่น (เชือดและจำหน่ายทันที) ไม่นิยมหมูแช่แข็ง

• หมูที่จับกุมได้บรรจุกล่องสินค้าจากต่างประเทศชัดเจน : ที่ผ่านมาทุกเคสที่จับได้ รวมถึงที่มีการประกาศขายผ่านทั้งไลน์และเฟสบุกนั้น กล่องสินค้าต่างพะยี่ห้อต่างประเทศทั้งสิ้น ทั้งอเมริกา รัสเซีย เยอรมนี เดนมาร์ก บราซิล เนเธอร์แลนด์ สเปน ซ้ำยังระบุแหล่งเบิกจ่ายสินค้า จากห้องเย็นในเขตสมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม ซึ่งเป็นแหล่งเก็บใหญ่ของขบวนการนี้ ดังนั้นจะบอกว่าซากหมูที่จับได้นั้นเป็นหมูในประเทศไม่ได้

หมูเถื่อน กำลังส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงไปทั้งระบบ ทั้งความมั่นคงในอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยง จากความเสี่ยงเรื่องโรคต่างถิ่นที่อาจติดมากับซากหมูนำเข้าผิดกฎหมาย รวมถึงการถูกดั๊มพ์ราคาขายต่ำๆส่งผลต่อทั้งเกษตรกรที่เลี้ยงในระบบ และเกษตรกรที่กำลังรอสถานการณ์เพื่อกลับเข้าเลี้ยงหมูอีกครั้ง ที่ตอนนี้ไม่มีแรงจูงใจในการเลี้ยงอีกต่อไป

ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคที่ต้องเสี่ยงกับการได้รับสารตกค้างอันตรายจากหมูนอกโดยเฉพาะสารเร่งเนื้อแดงที่กระทบกับความปลอดภัยทางอาหาร ที่สำคัญคือเศรษฐกิจชาติที่ถูกทำลายจากน้ำมือของขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อหมู

ตอนนี้สิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องทำ ไม่ใช่การโยนความผิด หรือปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่ต้องเร่งกวาดล้างขบวนการนี้ให้หมดไปโดยเร็ว อย่าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้ขบวนากรทำลายชาติลอยนวล.

โดย: กันย์สินี ศตคุณ นักวิชาการอิสระด้านการเกษตร