กรมปศุสัตว์ ได้จัดทำและนำแผนเผชิญเหตุเร่งด่วนรับมือ พายุโซนร้อน ปาบึก (PABUK)
โดยในรายละเอียดแผนเผชิญเหตุ นั้น ประกอบไปด้วย
- ตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยด้านปศุสัตว์ตลอด 24 ชม. โดยมีรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือภัยพิบัติ (ด้านปศุสัตว์) หรือ War Room ซึ่งมีผู้อำนวยการส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์เป็นเลขานุการ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาอาหารสัตว์เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ผู้อำนวยการกอง/สำนักในส่วนกลางทุกส่วนเป็นคณะทำงาน และให้เริ่มตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปกระทั่งเหตุการณ์สงบ เกษตรกรได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีและทั่วถึง และให้รายงานสถานการณ์ ทุกวันๆ ละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ ให้ตั้ง war room ด้านปศุสัตว์ทุกจังหวัด
- จัดเตรียมบุคลากร และเครื่องมือให้มีความพร้อม 24 ชั่วโมง ประกอบด้วย
2.1 จุดอพยพสัตว์ในพื้นที่เสี่ยงภัย ประสานอาสาปศุสัตว์และทีมท้องที่เพื่อชี้เป้า พร้อมรับในทุกสถานการณ์ รวม 162 แห่ง
2.2 หน่วยเคลื่อนที่เร็ว รวม 36 หน่วย พร้อมช่วยด้านการรักษาพยาบาลสัตว์ การอพยพเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยง การลำเลียงและขนย้ายเสบียงสัตว์ไปให้ความช่วยเหลือ
2.3 เสบียงสัตว์ รวม 1,200 ตัน ในคลังเสบียงของ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ทุกแห่งในพื้นที่ประสบเหตุชั้นใน และอีก 3,200 ตัน ในพื้นที่รอบนอก คน-พาหนะพร้อมในปฏิบัติการ
2.4 ถุงยังชีพปศุสัตว์ เบื้องต้น 2,100 ชุด ซึ่งแต่ละชุดประกอบด้วย อาหารสัตว์สำเร็จรูป ยาและเวชภัณฑ์ สำหรับการช่วยเหลือและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและให้จัดทำเพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอและสามารถใช้ได้อย่างทันท่วงที
2.5 เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ในพื้นที่ของปศุสัตว์เขต 7 เขต 8 และเขต 9 เตรียมความพร้อมไว้สูงสุด เพื่อเป็นกำลังเสริมในการประสานกับปศุสัตว์จังหวัด
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมต่อไปว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทุกหน่วยในพื้นที่เขต 7 เขต 8 และเขต 9 รวม 16 จังหวัด เร่งรัดการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ในการป้องกันดูแลปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงของตนเอง หากพบเหตุต้องให้การช่วยเหลือเกษตรกรอย่างรวดเร็วเพื่อลดความเสียหาย โดยมีศูนย์ปฏิบัติการในส่วนกลางที่พร้อมประสานสรรพกำลังและเสบียงอาหารสัตว์พร้อมเวชภัณฑ์สัตว์ ลงพื้นที่ประสบภัยเสริมได้ทันที ทั้งนี้ เป้าหมายเร่งด่วนของภารกิจครั้งนี้คือลดการสูญเสียด้านปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงให้น้อยที่สุด