ซีพีเอฟ ชูนวัตกรรมตอบเทรนด์อาหารแห่งอนาคต ตอกย้ำการเป็น Food Tech Company แถวหน้าของโลก
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทย รับเทรนด์อาหารแห่งอนาคต (Future Food) ครอบคลุมทุกมิติความยั่งยืนของสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยซีพีเอฟ เน้นใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนานวัตกรรมอาหารที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ด้วยกระบวนการผลิตที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุด ส่งเสริมการบริโภคที่ยั่งยืน
ดร.ลลานา ธีระนุสรณ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านนวัตกรรมอาหารและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ กล่าวว่า ซีพีเอฟ มีวิสัยทัศน์ก้าวเป็น “ครัวของโลก” ได้ตระหนักถึงบทบาทของ เทรนด์อาหารแห่งอนาคต (Future Food) ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อระบบการผลิตและการบริโภคอาหารที่ต้องคำนึงถึงความยั่งยืนมากขึ้น เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทั้งการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลก ที่คาดว่าจะแตะ 10,000 ล้านคนในอีก 30 ปีข้างหน้า การผลิตอาหารให้เพียงพอ
โดยมีข้อจำกัดด้านความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติลดลง และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมถึงสถานการณ์หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ยังต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้บริโภค ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว อาหารมีคุณค่าโภชนาการสูง ดีต่อสุขภาพ และขั้นตอนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในฐานะผู้ผลิตอาหารระดับโลก CPF ชูศักยภาพของศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหาร CPF RD Center ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงในการพัฒนา Future Food เพื่อผลิตจากวัตถุดิบหรือส่วนผสมรูปแบบใหม่ ที่มีรสชาติอร่อย คุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้น ให้ผู้บริโภคมีสุขภาพดีขึ้น ในราคาเข้าถึงได้ คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ใช้สารเคมี เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร
“เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ และอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ (ออร์แกนิค) และมีคุณค่าทางอาหาร เช่น ไฟเบอร์สูง ไขมันต่ำ ลดการใช้น้ำตาล รวมถึงนวัตกรรมที่เหมาะสมกับสุขภาพ และการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้บริโภค อีกทั้งยังต้องลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งสร้างความยั่งยืนให้กับสุขภาพของคนทั่วโลก สอดคล้องกับแนวทางขององค์การสหประชาชาติ” ดร.ลลานากล่าว
ทั้งนี้ ซีพีเอฟได้วิจัยและใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย เพื่อพัฒนานวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ดีและยั่งยืน อาทิ เนื้อไก่เบญจา (Benja Chicken) และหมูชีวา ที่เลี้ยงตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ด้วย Superfood และวัตถุดิบที่เป็นแหล่งของโอเมก้า-3 เช่น เมล็ดแฟลกซ์ (flaxseed) ในฟาร์มระบบปิด ทำให้เนื้อสัตว์มีคุณภาพที่ดี อีกทั้งยังมีปริมาณโอเมก้า-3 สะสมมากกว่าเนื้อสัตว์ทั่วๆไป ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ 100% ตลอดการเลี้ยงดู
บริษัทฯ ยังตอบรับเทรนด์การบริโภคมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น โดยพัฒนานวัตกรรม ‘PLANT-TEC’ ทำให้ได้เนื้อทางเลือกที่มีความเหมือนเนื้อสัตว์จริง ทั้งลักษณะชิ้นเนื้อ รสชาติ กลิ่นและเนื้อสัมผัส ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช แบรนด์ Meat Zero ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคคนไทยและต่างประเทศแล้ว ยังเดินหน้าพัฒนา โปรตีนทางเลือก อย่างต่อเนื่อง ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำ และStartup ระดับโลก
โดยในปีที่ผ่านมา ได้จับมือร่วมกับ Future Meat ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติอิสราเอล ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนา Hybrid Cultured Meat ที่ผสมผสานระหว่างเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงจากเซลล์เนื้อเยื่อ (Cultured Meat) และเนื้อจากพืช (Plant Based Meat) และได้จับมือร่วมกับ Lypid สตาร์ทอัพเจ้าของเทคโนโลยี “ไขมันจากพืช” (vegan fat) เพื่อพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืชมีรสชาติเหมือนกับเนื้อสัตว์จริงมากยิ่งขึ้น.